เมนู

แก้อรรถ


เนื้อความแห่งพระคาถานั้นว่า " น้องหญิง รูปนี้ คือที่นับว่าสรีระ
ของเธอ ชื่อว่าแก่หง่อมแล้ว เพราะความเป็นคนแก่. ก็รูปนั้นแล ชื่อว่า
เป็นรังของโรค เพราะอรรถว่า เป็นสถานที่อยู่อาศัยของโรคทุกชนิด;
เปรียบเหมือนสุนัขจิ้งจอกแม้หนุ่ม เขาเรียกว่า " สุนัขจิ้งจอกแก่. " เถา
หัวด้วนแม้อ่อน เขาเรียกว่า " เถาเน่า " ฉันใด รูปนี้ก็ฉันนั้น เกิดใน
วันนั้น แม้เป็นรูปมีสีเหมือนทองคำ ก็ชื่อว่ากายเน่า เปื่อยพัง เพราะ
อรรถว่า ไหลลอกเป็นนิตย์. กายของเธอนี้นั้นเป็นของเน่า พึงทราบเถิด
ว่า " จะแตก คือจักทำลาย ต่อกาลไม่นานนัก. " เพราะเหตุไร ? เพราะ
ชีวิตมีความตายเป็นที่สุด. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเป็นคำอธิบายไว้ว่า
" เพราะชีวิตของสรรพสัตว์มีความตายเป็นที่สุดทั้งนั้น. "
ในกาลจบเทศนา พระเถรีบรรลุโสดาปัตติผลแล้ว. เทศนาได้เป็น
กถามีประโยชน์ แม้แก่มหาชนแล้ว ดังนี้แล.
เรื่องพระอุตตราเถรี จบ.

4. เรื่องพระอธิมานิกภิกษุ [121]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพวกภิกษุผู้มี
ความสำคัญว่าตนได้บรรลุพระอรหัตผลหลายรูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า
" ยานิมานิ " เป็นต้น.

พวกภิกษุสำคัญผิด


ดังได้สดับมา ภิกษุ 500 รูปเรียนกรรมฐานในสำนักพระศาสดา
แล้ว เข้าไปสู่ป่า พากเพียรพยายามอยู่ ยังฌานให้เกิดขึ้นแล้ว สำคัญว่า
" กิจบรรพชิตของพวกเราสำเร็จแล้ว " เพราะกิเลสทั้งหลายไม่ฟุ้งขึ้น จึง
(กลับ) มาด้วยหวังว่า " จักกราบทูลคุณที่ตนได้แล้วแด่พระศาสดา. "

พระศาสดาจึงแก้ความสำคัญผิดนั้น


ในเวลาที่พวกเธอถึงซุ้มประตูชั้นนอกเท่านั้น พระศาสดาตรัสกะ
พระอานนทเถระว่า " อานนท์ การงาน (เกี่ยว) ด้วยเราผู้อันภิกษุเหล่านี้
เข้ามาเฝ้า ยังไม่มี. ภิกษุเหล่านี้จงไปป่าช้าผีดิบ (เสียก่อน) กลับมาจาก
ที่นั้นแล้วจึงค่อยเฝ้าเรา." พระเถระไปแจ้งความนั้นแก่พวกเธอแล้ว. พวก
เธอไม่พูดเลยว่า " พวกเราจะได้ประโยชน์อะไรด้วยป่าช้าผีดิบ " คิดเสียว่า
" พระพุทธเจ้าทรงเห็นการณ์ไกล จักทรงเห็น (เหตุ) การณ์ ดังนี้แล้ว ไป
สู่ป่าช้าผีดิบแล้ว เมื่อเห็นศพในที่นั้น กลับได้ความเกลียดชังในซากศพ
ที่เขาทิ้งไว้ 1 วัน 2 วัน ยังความกำหนัดให้เกิดในสรีระอันสดซึ่งเขาทิ้ง
ไว้ในขณะนั้น. ในขณะนั้นก็รู้ว่าตนยังมีกิเลส. พระศาสดาประทับนั่งใน
พระคันธกุฎีนั่นเอง ทรงฉายพระรัศมีไป ดุจตรัสอยู่เฉพาะหน้าของภิกษุ
เหล่านั้น. ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายเห็นร่างกระดูก